
รู้สึกเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ เกิดจากอะไร - แก้ไขอย่างไร
มนุษย์กับการเพศสัมพันธ์มีของคู่กันเราเมื่อถึงวัยแล้ว กลไกของร่างกายมนุษย์เราถูกสร้างให้มีความสุขเมื่อมีเซ็กส์ กระตุ้นการหลั่งฮอร์โมน ไม่ว่าจะโดปามีน (Dopamine) และออกซิโทซิน (Oxytocin) ซึ่งสร้างความรู้สึกพึงพอใจและเชื่อมโยงทางอารมณ์กับคู่รักของเรา เป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากกลไกที่ธรรมชาติใช้เพื่อส่งเสริมการดำรงเผ่าพันธุ์ของมนุษย์เรา แต่ใช่ว่าทุกครั้งของการมีเพศสัมพันธ์จะสร้างความสุขสูงสุดได้เสมอไป และหนึ่งในเหตุผลนั้นคือการรู้สึกเจ็บระหว่างมีเซ็กส์ มีงานวิจัยบอกว่า 64.6% ของคู่รักจะรู้สึกเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์แต่ไม่กล้าบอกคู่รัก และเป็นสาเหตุที่ทำให้ 1 ใน 4 ของคู่รักไม่มีความสุขจากการมีเพศสัมพันธ์ ทำให้ไม่อยากมีเพศสัมพันธ์ในครั้งถัดไป เราจึงเขียนบทความวันนี้ว่ามันเกิดจากอะไร และเราจะแก้ไขได้อย่างไรไปดูกัน!
เลือกอ่าน
เนื้อหาในบทความนี้
-
การเจ็บปวดระหว่างมีเซ็กส์มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์คู่รักอย่างไร
-
สาเหตุทางกายภาพของความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์
-
สาเหตุอาการเจ็บที่มาจากทางจิตใจและอารมณ์
-
การแก้ไขและบรรเทาอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
-
การปรับท่าทางการมีเพศสัมพันธ์เพื่อป้องกันอาการเจ็บทางกายภาพ
เราจะสื่อสารกับคู่รักอย่างไรไม่ทำให้เขารู้สึกแย่
การเจ็บปวดระหว่างมีเซ็กส์มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์คู่รักอย่างไร

อาการเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ไม่เพียงส่งผลต่อร่างกาย แต่ยังสร้าง “บาดแผลทางใจ” ที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ได้โดยไม่รู้ตัว หลายคู่เริ่มต้นจากความรู้สึกไม่สบายตัวเล็กๆ แต่เมื่อปล่อยไว้โดยไม่แก้ไข อาจขยายเป็นปัญหาซับซ้อนที่จัดการได้ยากขึ้น เมื่อประสบการณ์เจ็บปวดถูกจดจำในสมอง ร่างกายจะพัฒนาปฏิกิริยา “Anticipatory Pain” หรือการคาดการณ์ความเจ็บไว้ล่วงหน้า แม้ยังไม่เกิดเหตุการณ์จริง ส่งผลให้เกิดความเครียด เกร็งกล้ามเนื้อเชิงกราน และหลีกเลี่ยงการมีเซ็กส์โดยไม่รู้ตัว พฤติกรรมนี้ทำให้ทั้งคู่ตกอยู่ในวงจร “กลัวเจ็บ→หลีกเลี่ยง→ห่างเหิน” สายสัมพันธ์ค่อยๆ เย็นชาลงจากการขาดความใกล้ชิดทางกาย ทางออกสำคัญคือการสื่อสารเชิงบวกและหาสาเหตุร่วมกัน เพราะว่าหากทั้งคู่เปิดใจ พูดคุยกัน และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อแก้ไขปัญหา หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก็จะสามารถสร้างสุขภาพความสัมพันธ์ที่ดีกับคู่ของเราได้
สาเหตุทางกายภาพของความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์

ความเจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์อาจเกิดจากหลายสาเหตุทางกายภาพ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประสบการณ์ทางเพศและคุณภาพชีวิตของคู่รัก การทำความเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาและปรับปรุงความสัมพันธ์ทางเพศให้ดีขึ้น สาเหตุทางกายภาพมักแบ่งออกเป็นสองประเภทหลัก คือ อาการเจ็บตื้นและอาการเจ็บลึก ซึ่งแต่ละประเภทมีสาเหตุและวิธีการจัดการที่แตกต่างกัน
ช่องคลอดแห้ง
-
การขาดการกระตุ้นทางอารมณ์ก่อนมีเพศสัมพันธ์ก็อาจทำให้ช่องคลอดไม่ชุ่มชื้นเพียงพอ จนเกิดการเสียดสีและเจ็บปวดได้ และในหลาย ๆ กรณีเกิดจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน ส่งผลให้ผนังช่องคลอดบางลงและขาดสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ มักพบในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน หลังคลอดบุตร หรือช่วงให้นมลูก
การติดเชื้อหรือการอักเสบ
-
เชื้อราและแบคทีเรีย : ทำให้ช่องคลอดอักเสบ เกิดอาการแสบ คัน และมีตกขาวผิดปกติ
-
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ : เช่น หนองใน เริม อวัยวะเพศอักเสบ หรือมีแผล
-
การระคายเคืองจากสารเคมี : สบู่ ครีมอาบน้ำ น้ำยาซักผ้า หรือถุงยางอนามัยที่มีส่วนผสมที่แพ้
โรคทางนรีเวช
-
เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ (Endometriosis) : เยื่อบุที่ควรอยู่ภายในมดลูกไปเติบโตนอกมดลูก ก่อให้เกิดการอักเสบเรื้อรังและเจ็บลึกในอุ้งเชิงกราน
-
ช็อกโกแลตซีสต์ : ถุงน้ำที่เกิดจากเลือดประจำเดือนคั่งในรังไข่ กดทับอวัยวะข้างเคียง
-
ฝีในอุ้งเชิงกราน : การติดเชื้อรุนแรงจนเกิดเป็นหนอง
ภาวะกล้ามเนื้อช่องคลอดหดเกร็ง (Vaginismus)
-
กล้ามเนื้อบริเวณช่องคลอดหดตัวแบบไม่ตั้งใจ มักสัมพันธ์กับความเครียดหรือความกังวลทางจิตใจ ส่งผลให้ไม่สามารถสอดใส่ได้ หรือเจ็บเหมือนมีสิ่งกีดขวาง
การบาดเจ็บหรือแผลฉีกขาด
-
หลังผ่าตัดคลอดหรือฝีเย็บ
-
เพศสัมพันธ์รุนแรงเกินไป
-
แผลจากโรคผิวหนังหรือการติดเชื้อเริม
อาการเจ็บตื้นและเจ็บลึก
-
เจ็บตื้น : เกิดบริเวณปากช่องคลอดหรืออวัยวะเพศภายนอก มักแสบจากผิวบางส่วนอักเสบ มีแผลถลอก หรือการหล่อลื่นไม่เพียงพอ
-
เจ็บลึก : รู้สึกเจ็บลึกในท้องน้อยหรืออุ้งเชิงกราน มักสัมพันธ์กับโรคเช่น เยื่อบุมดลูกเจริญผิดที่ ช็อกโกแลตซีสต์ หรือการอักเสบในมดลูก
สาเหตุอาการเจ็บที่มาจากทางจิตใจและอารมณ์
เราไม่ควรมองข้ามผลกระทบจากสภาวะทางจิตใจและอารมณ์ มนุษย์เราเป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อน การตอบสนองต่อเรื่องเพศไม่ได้เกิดจากกายภาพเพียงอย่างเดียว แต่เชื่อมโยงโดยตรงกับสภาพจิตใจและความรู้สึก จิตใจที่ไม่พร้อมส่งผลให้ร่างกายไม่พร้อมด้วยเช่นกัน สภาวะทางจิตใจที่ไม่พร้อมหรือมีความกังวลสามารถส่งผลโดยตรงต่อการตอบสนองทางร่างกาย ทำให้เกิดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อและลดการหลั่งสารหล่อลื่นตามธรรมชาติ ซึ่งนำไปสู่ความเจ็บปวดได้
ความเครียดและความกังวล
-
ความกดดันจากชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือแม้แต่การคาดหวังให้ตัวเองซึ่งส่งผลให้ช่องคลอดแห้งและขาดความยืดหยุ่น และหากคู่รักกดดันให้มีเซ็กส์โดยไม่คำนึงถึงความรู้สึกอีกฝ่าย ความเครียดนี้จะยิ่งกระตุ้นให้กล้ามเนื้อช่องคลอดหดเกร็ง จนเกิดอาการเจ็บคล้ายมีสิ่งกีดขวาง
ประสบการณ์ทางเพศเชิงลบในอดีต
-
ผู้ที่มีประวัติถูกทำร้ายร่างกายหรือจิตใจจากการมีเซ็กส์มาก่อน มักเก็บความทรงจำเหล่านั้นเป็น “แผลใจที่ยังไม่หาย” สมองจะจดจำความเจ็บปวดและกระตุ้นให้ร่างกายเกิดปฏิกิริยาต่อต้าน โดยอัตโนมัติทุกครั้งที่คิดจะใกล้ชิดกับคู่รัก แม้เหตุการณ์นั้นจะผ่านมานานแล้วก็ตาม บางรายอาจมีอาการทางกายชัดเจน เช่น กล้ามเนื้อช่องคลอดหดเกร็งรุนแรง หรือรู้สึกเจ็บทุกครั้งที่ถูกสัมผัส
ปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างคู่
-
ความไม่ไว้วางใจ ความขัดแย้งที่ยังไม่คลี่คลาย หรือการขาดการสื่อสารเชิงลึก ทำให้ความรู้สึกใกล้ชิดลดลง เมื่ออารมณ์เชิงลบเหล่านี้ถูกสะสมไว้มากๆ ร่างกายจะแสดงปฏิกิริยาโดยไม่รู้ตัว ตัวอย่างเช่น คู่รักที่เพิ่งทะเลาะกันอาจรู้สึกว่าเซ็กส์เป็นเพียง “หน้าที่” แทนที่จะเป็นกิจกรรมสร้างความผูกพัน ส่งผลให้ขาดความพร้อมทางอารมณ์จนนำไปสู่ความเจ็บปวด
ความกลัวการมีเพศสัมพันธ์
-
บางคนอาจพัฒนาความกลัวจากการถูกตำหนิเรื่องสมรรถภาพทางเพศ หรือเคยได้รับความเจ็บปวดจนฝังใจ สมองจึงสร้าง “วงจรความหวาดระแวง” โดยอัตโนมัติ เช่น กลัวว่าจะเจ็บอีก กลัวตั้งครรภ์ หรือกลัวโรคติดต่อ แม้จะไม่มีปัจจัยเสี่ยงจริงก็ตาม ความกลัวเหล่านี้กระตุ้นให้ร่างกายตึงตัว สารหล่อลื่นลดลง และรู้สึกเจ็บแม้ในท่าทางที่ควรผ่อนคลาย
การแก้ไขและบรรเทาอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์

อาการเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์สามารถแก้ไขและบรรเทาได้ด้วยวิธีการที่เหมาะสม ทั้งการปรับพฤติกรรม การดูแลสภาพร่างกายและจิตใจ รวมถึงการสื่อสารกับคู่รักอย่างเข้าใจ เริ่มต้นให้เราเปิดอกพูดคุยกัน ควรเลือกเวลาที่ทั้งสองฝ่ายพร้อม และใช้คำพูดเชิงบวก เช่น “เราอยากให้เวลานี้สนุกทั้งคู่ ลองปรับท่าหรือจังหวะกันดีไหม” หลีกเลี่ยงการตำหนิหรือเปรียบเทียบ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายรู้สึกถูกโจมตี การสื่อสารช่วยให้เข้าใจกันมากขึ้นและหาทางออกร่วมกัน
การฝืนมีเพศสัมพันธ์ขณะร่างกายหรือจิตใจไม่พร้อมจะเพิ่มความเจ็บปวดและสร้างความเครียดสะสม ควรบอกคู่รักอย่างตรงไปตรงมา เช่น “วันนี้ร่างกายเราไม่ไหว ไว้คราวหน้าดีกว่า” หรือหากแม้เราพร้อม แต่มีปัญหาช่องคลอดแห้ง ก็ให้เราใช้สารหล่อลื่นชนิด Water-based เพราะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง และปลอดภัยเมื่อใช้ร่วมกับถุงยางอนามัย หากอาการไม่ดีขึ้นหลังลองแก้ไขด้วยตัวเอง ควรปรึกษา แพทย์ นักบำบัด หรือผู้เชี่ยวชาญด้านเพศสัมพันธ์ เพื่อตรวจหาสาเหตุทางกายภาพ เช่น การติดเชื้อหรือความผิดปกติของมดลูก รวมถึงรับคำแนะนำในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางอารมณ์กับคู่รัก
หมอนเสยตัวช่วยเพื่อป้องกันอาการเจ็บทางกายภาพ

หนึ่งในสินค้าที่เราออกแบบมาเพื่อป้องกันอาการเจ็บทางกายภาพ คือหมอนเสย mr.big x NANAKE555 ที่ถูกออกแบบโดยยึดหลักด้านสรีรศาสตร์ เพื่อแก้ปัญหาอาการเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์จากท่าทางที่ไม่เหมาะสม โดยออกแบบจากข้อมูลพฤติกรรมและกลไกการทำงานของร่างกายมนุษย์ ผ่านการปรับองศารองรับอุ้งเชิงกรานให้อยู่ในตำแหน่งธรรมชาติ ส่งผลให้เกิดการสัมผัสจุดไวต่อความรู้สึก A-spot และ G-spot ลดแรงกดทับกล้ามเนื้อ-ข้อต่อ ขนาดที่พอดีสำหรับการเคลื่อนไหวระหว่างกิจกรรมใกล้ชิด กระจายน้ำหนักตัวอย่างสมดุล ช่วยลดอาการเกร็งหรือเมื่อยล้าบริเวณหลังและสะโพก รวมถึงวัสดุที่ลดแรงกระแทกเพื่อป้องกันการบาดเจ็บกะทันหัน ทุกดีเทลถูกคิดมาเพื่อให้ทั้งคู่รู้สึกผ่อนคลาย ปลอดภัย และเพลิดเพลินกับกิจกรรมเพศสัมพันธ์
ช่องทางสั่งซื้อหมอนเสย
Website : หมอนเสย Soey Pillow mr.big x NANAKE555
Shopee : หมอนเสย™ จาก mr.big x NANAKE555 หมอนสำหรับคู่รัก ออกแบบโดยนักกายภาพบำบัด
เราจะสื่อสารกับคู่รักอย่างไรไม่ทำให้เขารู้สึกแย่
การสื่อสารเรื่องความเจ็บปวดระหว่างมีเพศสัมพันธ์ต้องอาศัย “ความอ่อนโยนที่ตรงไปตรงมา” โดยเริ่มจากเลือกเวลาสนิทที่ทั้งคู่ผ่อนคลาย และใช้ภาษากายที่เปิดกว้าง เช่น สบตา จับมือ เพื่อแสดงว่าคุณมองเรื่องนี้เป็นทีม ไม่ใช่ปัญหาของใครคนเดียว ใช้ประโยคเชิงบวกที่เน้นการร่วมมือ เช่น “เราลองหาวิธีปรับด้วยกันไหม” แทนการชี้นิ้วว่า “คุณทำให้ฉันเจ็บ” ควรเลี่ยงการพูดกลางวงจรความขัดแย้ง และใช้คำว่า “เรา” แทน “คุณ” เพื่อลดความรู้สึกถูกโจมตี พร้อมรับฟังมุมมองของคู่รักโดยไม่ตัดสิน หากอีกฝ่ายรู้สึกผิดหรือเสียหน้า ให้ย้ำว่าเป้าหมายคือการเข้าใจร่างกายกันมากขึ้น การเริ่มบทสนทนาด้วยประโยคชื่นชม เช่น “เราชอบเวลาที่เราใกล้ชิดกัน แต่อยากให้มันดีขึ้นอีก” จะช่วยสร้างบรรยากาศปลอดภัยให้ทั้งสองฝ่ายกล้าแสดงความต้องการอย่างแท้จริง การทำความเข้าใจสาเหตุทางจิตใจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องอาศัย “การฟังโดยไม่ตัดสิน” จากคู่รัก เพื่อคลี่คลายปัญหาที่ซ่อนอยู่ เพราะเมื่อจิตใจพร้อม ร่างกายก็จะตอบสนองตามธรรมชาติโดยไม่เกิดอาการเจ็บปวดขัดขวางความสัมพันธ์อีกต่อไป