
ระยะเวลาการนอนหลับในผู้สูงอายุน้อยลงจริงหรือ?
ระยะเวลาการนอนหลับในผู้สูงอายุน้อยลงจริงหรือ?
การนอนหลับเป็นองค์ประกอบสำคัญของสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในทุกช่วงวัย อย่างไรก็ตาม ผู้สูงอายุมักเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงของรูปแบบการนอน เช่น การใช้เวลานานขึ้นในการหลับ ระยะเวลาการนอนหลับลึกที่ลดลง และการตื่นกลางดึกบ่อยขึ้น หลายคนจึงตั้งคำถามว่า “ผู้สูงอายุต้องการระยะเวลาการนอนหลับน้อยลงจริงหรือ?”

โครงสร้างของการนอนหลับและการเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุมากขึ้น
การนอนหลับสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลัก คือ Non-Rapid Eye Movement (NREM) Sleep และ Rapid Eye Movement (REM) Sleep ซึ่งแต่ละประเภทมีบทบาทเฉพาะต่อการฟื้นฟูร่างกายและกระบวนการทางสมอง โดยในผู้สูงอายุได้รับผลกระทบทั้งหมด และส่งผลต่อการนอนดังนี้
1. การเข้าสู่การนอนหลับ (Sleep Latency)
ในวัยหนุ่มสาว ร่างกายสามารถเข้าสู่ภาวะหลับได้อย่างรวดเร็วเนื่องจากมีระดับฮอร์โมนเมลาโทนินที่สมดุล แต่เมื่ออายุมากขึ้น การผลิตเมลาโทนินลดลงส่งผลให้ผู้สูงอายุต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าจะหลับสนิท
2. ระยะการนอนหลับลึก (Slow-Wave Sleep – SWS)
การนอนหลับลึกเป็นช่วงที่ร่างกายฟื้นฟูเซลล์และซ่อมแซมเนื้อเยื่อ มีบทบาทสำคัญในการสร้างโกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ที่ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูก การศึกษาพบว่าเมื่ออายุมากขึ้น สัดส่วนของ SWS จะลดลง ส่งผลให้การฟื้นตัวของร่างกายลดลงและอาจเกี่ยวข้องกับภาวะความจำเสื่อมในระยะยาว
3. ระยะการนอนหลับ (REM)
ช่วง REM Sleep เป็นระยะที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเรียนรู้ ความจำ และอารมณ์ มีงานวิจัยที่ชี้ให้เห็นว่าผู้สูงอายุมีระยะ REM ที่สั้นลงและอาจตื่นง่ายขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งอาจส่งผลต่อประสิทธิภาพของระบบประสาทและความสามารถในการจัดการความเครียด
4. รูปแบบการตื่นกลางดึกและตื่นเช้า
นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) ของผู้สูงอายุมีแนวโน้มเลื่อนขึ้น ทำให้ตื่นเช้ากว่าปกติ นอกจากนี้ ยังมีแนวโน้มที่จะตื่นกลางดึกบ่อยขึ้นเนื่องจากระบบควบคุมการนอนหลับ (Sleep Homeostasis) ทำงานได้ไม่ดีเหมือนวัยหนุ่มสาว

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาการนอนในผู้สูงอายุ
· การเปลี่ยนแปลงของสมองและระบบประสาท โครงสร้างสมอง เช่น Thalamus และ Cerebral Cortex ที่มีบทบาทสำคัญต่อการควบคุมการนอนหลับจะมีการเสื่อมสภาพลงตามวัย ซึ่งส่งผลให้รูปแบบการนอนหลับเปลี่ยนไป
· การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน นอกจากเมลาโทนินที่ลดลงแล้ว ฮอร์โมนอื่นๆ เช่น คอร์ติซอล (Cortisol) และเซโรโทนิน (Serotonin) ก็อาจไม่สมดุล ทำให้ผู้สูงอายุมีแนวโน้มที่จะมีปัญหาการนอนมากขึ้น
· ภาวะทางจิตใจและอารมณ์ ความเครียด ความวิตกกังวล และภาวะซึมเศร้า เป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการนอนของผู้สูงอายุ
· ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิต เสียงรบกวน อุณหภูมิห้อง และแสงที่มากเกินไปสามารถรบกวนการนอนหลับของผู้สูงอายุได้ นอกจากนี้ การออกกำลังกายและพฤติกรรมการใช้ชีวิตยังมีอิทธิพลต่อรูปแบบการนอน
· ปัจจัยทางด้านโรคประจำตัว โรคประจำตัวบางโรคส่งผลต่อการนอนหลับโดยตรงทำให้คุณภาพการนอนลดลง รวมไปถึงการรับประทานยาบางประเภทส่งผลต่อคุณภาพและความต่อเนื่องในการนอน อาจทำให้ตื่นได้ง่ายหรือต้องเข้าห้องน้ำบ่อยครั้งได้

ผลกระทบของการนอนหลับไม่เพียงพอของผู้สูงอายุ
1. ความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง การนอนที่ไม่มีคุณภาพมีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจ เบาหวาน และภาวะสมองเสื่อม เช่น อัลไซเมอร์
2. ภาวะอ่อนแอในผู้สูงอายุ (Frailty) มีงานวิจัยที่พบว่าผู้สูงอายุที่นอนน้อยกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน หรือมากกว่า 9 ชั่วโมงต่อคืน อาจมีความเสี่ยงต่อภาวะอ่อนแอและการสูญเสียมวลกล้ามเนื้อสูงขึ้น
3. ผลกระทบต่อสุขภาพจิต ผู้สูงอายุที่มีปัญหาการนอนหลับมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะซึมเศร้า ความวิตกกังวล และการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ที่มากขึ้น
บทบาทของการมีเพศสัมพันธ์ต่อคุณภาพการนอนของผู้สูงอายุ
ความต้องการทางเพศที่ลดลงในผู้สูงอายุ นอกจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงแล้ว ยังมีผลมาจากคุณภาพการนอนที่ลดลงทำให้เกิดความไม่พร้อมทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ แต่ถึงอย่างนั้นมีงานวิจัยจาก English Longitudinal Study of Ageing (ELSA) พบว่า การมีเพศสัมพันธ์อาจมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับของผู้สูงอายุ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาการนอนหลับน้อยลง ในขณะที่ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ลดลงกลับมีโอกาสเผชิญกับปัญหาการนอนมากขึ้น
ฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางเพศ เช่น ออกซิโทซิน (Oxytocin) และเอนดอร์ฟิน (Endorphins) สามารถช่วยลดความเครียด ทำให้ร่างกายผ่อนคลาย และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์เหล่านี้อาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสุขภาพและสภาวะจิตใจของแต่ละบุคคล
สรุป
ระยะเวลาการนอนของผู้สูงอายุจะลดลงจากปัจจัยทางชีวภาพ แต่การเน้นที่คุณภาพของการนอนหลับ มีความสำคัญไม่แพ้กัน การดูแลสุขภาพผ่านพฤติกรรมการนอนที่เหมาะสม เช่น การควบคุมแสงและเสียงในห้องนอน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และดูแลสุขภาพจิต สามารถช่วยให้ผู้สูงอายุมีคุณภาพการนอนหลับที่ดีขึ้น
แม้จะเป็นธรรมชาติที่ร่างกายจะต้องปรับตัวตามวัย แต่การเข้าใจกลไกของการนอนหลับสามารถช่วยให้เราปรับตัวและดูแลสุขภาพของเราเองและคนที่เรารักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ขอขอบคุณข้อมูลอ้างอิง
Lee, D. M., & Tetley, J. (2019). Sleep quality, sleep duration and sexual health among older people: Findings from the English Longitudinal Study of Ageing. Archives of Gerontology and Geriatrics, 82, 147-154.
da Silva, A. A., de Mello, R. G. B., Schaan, C. W., Fuchs, F. D., Redline, S., & Fuchs, S. C. (2016). Sleep duration and mortality in the elderly: a systematic review with meta-analysis. BMJ open, 6(2), e008119.
Edwards BA, O'Driscoll DM, Ali A, Jordan AS, Trinder J, Malhotra A. Aging and sleep: physiology and pathophysiology. Semin Respir Crit Care Med. 2010 Oct;31(5):618-33. doi: 10.1055/s-0030-1265902. Epub 2010 Oct 12. PMID: 20941662; PMCID: PMC3500384.
Chen, S., Wang, Y., Wang, Z., Zhang, X., Deng, C., Ma, B., ... & Zhao, Y. (2022). Sleep duration and frailty risk among older adults: evidence from a retrospective, population-based cohort study. The Journal of nutrition, health and aging, 26(4), 383-390.